ชม Maxus G10 SE (ว่าที่ MG GV เมืองไทย) เปิดตัวที่มาเลเซีย

  ประเทศมาเลเซียซึ่งเป็นเพื่อนบ้านเราได้ทำการเปิดตัว Maxus G10 รถอเนกประสงค์ MPV คันใหญ่ขนาด 10 ที่นั่ง มาในรุ่นย่อยใหม่ SE ที่ยกระดับความสวยงามและความหรูหรามากยิ่งขึ้นกว่าเดิม (คันนี้ก็คือว่าที่ MG GV ที่จะเอามาขายในไทยเร็วๆนี้)

  ภายนอกได้รับการติดตั้งกันชนหน้าและหลังใหม่ที่ดูสปอร์ตมากขึ้น รวมทั้งมีสเกิร์ตด้านข้างและสปอยเลอร์ด้านท้ายรถ ประตูสไลด์ไฟฟ้ายังมีฟังก์ชั่นป้องกันการหนีบซึ่งช่วยเพิ่มความปลอดภัยกับผู้โดยสารระหว่างการเข้าออกรถ นอกจากนี้ยังมากับล้ออัลลอย 12 ก้านขนาด 18 นิ้ว อุปกรณ์อื่นๆก็จะมีไฟหน้าแบบ HID พร้อมไฟ LED Daytime Running Lights ภายในโคม ด้านท้ายมากับไฟท้ายแบบ LED มีหลังคาซันรูฟไฟฟ้าและมือจับประตูโครเมียมมาให้เป็นมาตรฐาน


  ภายในถือว่ายกระดับความหรูหรามากขึ้นกว่าเดิมอย่างชัดเจน ที่เห็นชัดเจนก็คงจะเป็นหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ 15 นิ้วตรงกลางคอนโซล ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 จอ คือ หน้าจอใหญ่ที่เป็นระบบเครื่องเสียงและหน้าจอเล็กที่เป็นนาฬิกาดิจิตอล ตกแต่งภายในด้วยวัสดุลายหินอ่อนรวมทั้งมีการเดินด้ายตะเข็บจริงรอบคันทั้งคอนโซลหน้าและแผงประตู เบาะนั่งใช้สีดดำสลับน้ำตาล

  Maxus G10 SE มีการจัดวางที่นั่งแบบ 2-3-2-3 โดยเบาะแถวที่ 3 สามารถพับแยกได้แบบ 60:40 เพื่อรองรับการบรรทุกสัมภาระได้มากขึ้นหากมีความจำเป็นและยังสามารถเลื่อนไปข้างหน้าหรือข้างหลังได้ ในขณะที่เบาะแถวที่ 2 ก็สามารถพับแบบ 60:40 ได้เช่นกัน

  อุปกรณ์มาตรฐานที่มีมากับรถก็จะมีพวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน , กล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา , ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control , หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ และช่องต่อไฟ 220V

   สำหรับเครื่องยนต์ของรุ่นนี้จะติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร GDI เทอร์โบชาร์จ มากับพละกำลัง 225 แรงม้าที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 345 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบต่อนาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติแบบ ZF 6 สปีด พร้อมระบบขับเคลื่อนล้อหลัง

   ระบบความปลอดภัยจะมีถุงลมนิรภัยคู่หน้า ระบบเบรกป้องกันล้อล็อค ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD และระบบเสริมแรงเบรก BA , ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESP พร้อมระบบป้องกันการลื่นไถล , ระบบตรวจวัดแรงดันลมยาง นอกจากนี้ยังมีจุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก Isofix ในเบาะแถวที่ 2 และ 3

   Maxus G10 SE มีสีตัวถังให้เลือก 3 สี คือ สีเงิน ขาว และดำ วางขายในมาเลเซียในราคา 153,412 ริงกิต หรือประมาณ 1,217,000 บาทไทย ส่วนเมืองไทย MG GV จะมีการเปิดตัวเมื่อภายในปีนี้แน่นอนแต่จะเป็นเมื่อไหร่นั้นต้องติดตามชม หากมีความคืบหน้าเมื่อไหร่ We love MG จะรีบมาอัพเดตให้ทราบแน่นอน

ที่มา Paultan

ความคิดเห็น

  1. Unknown5 เมษายน 2562 เวลา 19:59

    G10หลอกให้อยากแล้วจากไป เอา V80 รถขนไดโนเสามาแทน

    ตอบลบ

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ส่องแผนการเปิดตัวรถ MG รุ่นใหม่ในประเทศจีน มาทั้ง MG3 Minorchange และ MG6 โฉมใหม่

รูปภาพ
  ค่าย MG ในประเทศจีนกำลังมีแผนการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ 2  รุ่นในปีนี้ โดยมีภาพแอบถ่าย Presentation ระหว่างการประชุมดีลเลอร์ของประเทศจีน    จะเห็นว่า MG มีแผนจะเปิดตัวรถ 2 รุ่นใหม่ ภายใต้รหัส ZP11 MCE ซึ่งเป็นรถขนาดกะทัดรัด และรถคอมแพกต์คาร์กับรหัส IP32 ก็เดาได้ไม่ยากเลยคือรถทั้ง 2 รุ่นที่ว่าก็คือ MG3 Minorchange และ All-New MG6 เมื่อสืบค้นดูแล้วก็พบว่ารหัส ZP11 ก็คือ MG3 และ IP32 คือ MG6 ตรงตามที่บอกเป๊ะๆ    สำหรับ MG3 Minor Change ก็มีภาพหลุดออกมาโลดแล่นให้เราได้เห็นกันสักระยะแล้ว ซึ่งก็มีการเปลี่ยนแปลงใบหน้าครั้งใหญ่เลยก็ว่าได้ ขุมพลังก็คาดว่าจะใช้เครื่องยนต์ตัวเดิม รายละเอียดอ่านได้ที่นี่ ภาพหลุด MG3 Minor Change ปรับหน้าใหม่ดุสไตล์สปอร์ต      ทางด้าน MG6 โฉมใหม่นั้นก็คาดว่าจะสร้างขึ้นบนพื้นฐานของ Roewe i6 (อ่านว่า โรวี่) ที่เปิดตัวในตลาดจีนไปแล้ว และทาง MG น่าจะมีการปรับเปลี่ยนการออกแบบภายนอกและภายในให้แตกต่างจากต้นฉบับ ซึ่งตอนนี้ยังไม่ทราบแน่ชัดว่ารูปทรงหรือหน้าตาจะออกไปทางไหน แต่น่าจะมีแนวการออกแบบของ MG ยุคใหม่เหมือนใน MG ZS , MG3 Minorchange แน่นอน อ่านรายละเอียด
อ่านเพิ่มเติม

MGB รถสปอร์ต2ประตูสุดคลาสสิค

รูปภาพ
     MGB เป็นรถสปอร์ต 2 ประตูที่ผลิตและจำหน่ายโดย British Motor Corporation (BMC) ต่อมาเป็น British Leyland เป็นรถเปิดประทุนและได้ มีการเปิดตัวครั้งแรกเมื่อวันที่ 19 กันยายน ปีค.ศ.1962   และจำหน่ายถึงปีค.ศ. 1980           โครงสร้าง MGB เป็นนวัตกรรมการออกแบบที่ทันสมัยในปีค.ศ.1962 ใช้โครงสร้างแบบ monocoque แทนโครงสร้างแบบเดิม ๆ ที่ใช้ทั้ง MGA และ MG T-type   ส่วนประกอบเช่นเบรคและช่วงล่างเป็นพัฒนาการของ MGA เมื่อปีค.ศ.1955 ก่อนหน้านี้ด้วยเครื่องยนต์ B-Series ที่มีต้นกำเนิดในปีค.ศ.1947 การออกแบบที่มีน้ำหนักเบาช่วยลดต้นทุนการผลิตโดยเพิ่มความแข็งแรงของยานพาหนะ หน้าต่างแบบ Wind-up เป็นมาตรฐานและมีการออกแบบให้ขับขี่ได้อย่างสะดวกสบาย       MGB ใช้เวลาประมาณ 0 ถึง 60 ไมล์ต่อชั่วโมง (96 กม. / ชม.) เพียง 11 วินาทีเท่านั้น จากขุมพลัง เครื่องยนต์ B-Series รุ่น 1798 ซีซี รีดแรงม้าได้สูงสุด 95 แรงม้า (71 กิโลวัตต์) ที่ 5,400 รอบต่อนาที ส่วนใหญ่ถูกส่งออกไปจำหน่ายยังสหรัฐอเมริกา ในปีค.ศ.1975 เครื่องยนต์ MGB ของสหรัฐฯมีการปรับแต่เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานการปล่อยมลพิษและมีความสูงที่เพิ
อ่านเพิ่มเติม

ชม MG5 Hatchback อีกหนึ่งรุ่นที่ไม่ได้มีจำหน่ายในไทย

รูปภาพ
  สำหรับเมืองไทยแล้ว ค่าย MG ก็จัดว่ามีผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ค่อนข้างครบถ้วนแล้ว แต่อย่างไรก็ตามก็ยังมีรถ MG บางรุ่นที่ไม่ได้มาจำหน่ายในไทย ทาง We Love MG เลยจะพามาทำความรู้จักกับ MG5 Hatchback ที่มีจำหน่ายในจีนตอนนี้    ก่อนอื่นต้องบอกว่า MG5 Hatchback คันนี้จะจำหน่ายในประเทศจีนด้วยชื่อ "MG5" เฉยๆ ส่วน MG5 ตัวถังซีดานเหมือนที่มีจำหน่ายในเมืองไทยนั้น ที่ประเทศจีนจะวางขายในชื่อ "MG GT" ต่างจากประเทศไทยที่ไม่มีตัวถัง Hatchback จำหน่ายเลยใช้ชื่อตัวถังซีดานที่มีขายว่า MG5 เลย  ว่ากันง่ายๆ MG5 Hatchback และ MG5 Sedan (MG GT) ก็สร้างขึ้นบนพื้นฐานเดียวกัน แต่ก็มีรายละเอียดหลายๆจุดที่แตกต่างกัน โดย MG5 ตัวถัง Hatchback ประเดิมเปิดตัวก่อนครั้งแรกในปี 2012 ส่วน MG5 ตัวถังซีดานที่เราได้ใช้กันในปัจจุบันเปิดตัวในตลาดจีนครั้งแรกเมื่อปี 2014 นั่นเอง ก่อนที่ไทยจะนำมาจำหน่ายช่วงปลายปี 2015    MG5 ตัวถัง Hatchback จะมีสัดส่วนความยาว 4,363 มิลลิเมตร (ซีดานยาว 4,612 มิลลิเมตร) ความกว้าง 1,800 มิลลิเมตร (ซีดานกว้าง 1,804 มิลลิเมตร) ความสูง 1,492 มิลลิเมตร (
อ่านเพิ่มเติม